เรือนกระจกที่ขาดแสง
โรงเรือนควบคุมแสงเป็นโรงเรือนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยมีหน้าที่หลักในการจำกัดหรือควบคุมความเข้มและวงจรของแสงภายในโรงเรือน
เรือนกระจกแบบขาดแสงสามารถจำลองฤดูกาลต่างๆ ได้โดยการควบคุมวัฏจักรแสง เพื่อตอบสนองความต้องการในการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด การปรับเวลาเปิด-ปิดของอุปกรณ์ให้แสงสว่าง สามารถเพิ่มหรือลดระยะเวลาการรับแสงแดดของพืช ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เรือนกระจกแบบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพืชที่ต้องการแสง เช่น ดอกไม้ ผัก กัญชา และพืชสมุนไพร ข้อดีหลักๆ มีดังนี้
ฟังก์ชันการบังแดด: โรงเรือนบังแดดมีหน้าที่ควบคุมแสง สามารถควบคุมความเข้มและวัฏจักรของแสงในโรงเรือนได้โดยใช้ผ้าบังแดดหรือตาข่ายบังแดด ซึ่งสำคัญมากสำหรับพืชไวแสงบางชนิด เนื่องจากสามารถช่วยควบคุมจังหวะการเจริญเติบโตของพืชได้
การควบคุมอุณหภูมิ: โรงเรือนบังแดดสามารถควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกวัสดุบังแดดและปรับระดับการบังแดด ในช่วงฤดูร้อน โรงเรือนบังแดดสามารถลดแสงแดดโดยตรงและลดอุณหภูมิภายในอาคาร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืช ในช่วงฤดูหนาว โรงเรือนบังแดดสามารถเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนและยืดระยะเวลาการเจริญเติบโตของพืชได้
หลีกเลี่ยงแสงที่ไม่สม่ำเสมอ: เนื่องจากสามารถควบคุมแสงและอุณหภูมิในเรือนกระจกได้ เรือนกระจกบังแดดแบบลดแสงจึงสามารถป้องกันไม่ให้พืชมีลำต้นยาวเกินไปหรือมีใบใหญ่เกินไป ทำให้แสงกระจายไปยังพืชได้สม่ำเสมอมากขึ้น ช่วยให้พืชเจริญเติบโตและพัฒนาได้ตามปกติ
การปกป้องพืชผล: โรงเรือนบังแดดสามารถปกป้องพืชผลได้ในระดับหนึ่ง ป้องกันไม่ให้พืชผลได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศที่เลวร้าย แมลงและโรคพืช และก๊าซอันตราย ขณะเดียวกัน โรงเรือนบังแดดยังช่วยลดผลกระทบจากเสียงรบกวนจากภายนอก ลม และอื่นๆ ที่มีต่อพืชผลอีกด้วย โดยรวมแล้ว ข้อดีของโรงเรือนบังแสงอยู่ที่ความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตที่มั่นคง ช่วยให้พืชผลเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงและมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ รวมถึงเพิ่มความเป็นไปได้และความยืดหยุ่นในการผลิตทางการเกษตร
โรงเรือนควบคุมแสงเป็นโรงเรือนที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยมีหน้าที่หลักในการจำกัดหรือควบคุมความเข้มและวงจรของแสงภายในโรงเรือน
เรือนกระจกแบบขาดแสงสามารถจำลองฤดูกาลต่างๆ ได้โดยการควบคุมวัฏจักรแสง เพื่อตอบสนองความต้องการในการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด การปรับเวลาเปิด-ปิดของอุปกรณ์ให้แสงสว่าง สามารถเพิ่มหรือลดระยะเวลาการรับแสงแดดของพืช ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพืช เรือนกระจกแบบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพืชที่ต้องการแสง เช่น ดอกไม้ ผัก กัญชา และพืชสมุนไพร ข้อดีหลักๆ มีดังนี้
ฟังก์ชันการบังแดด: โรงเรือนบังแดดมีหน้าที่ควบคุมแสง สามารถควบคุมความเข้มและวัฏจักรของแสงในโรงเรือนได้โดยใช้ผ้าบังแดดหรือตาข่ายบังแดด ซึ่งสำคัญมากสำหรับพืชไวแสงบางชนิด เนื่องจากสามารถช่วยควบคุมจังหวะการเจริญเติบโตของพืชได้
การควบคุมอุณหภูมิ: โรงเรือนบังแดดสามารถควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการเลือกวัสดุบังแดดและปรับระดับการบังแดดที่เหมาะสม ในช่วงฤดูร้อน โรงเรือนบังแดดสามารถลดแสงแดดโดยตรงและลดอุณหภูมิภายในอาคาร เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช ในช่วงฤดูหนาว โรงเรือนบังแดดสามารถเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนและยืดระยะเวลาการเจริญเติบโตของพืชได้
หลีกเลี่ยงแสงที่ไม่สม่ำเสมอ: เนื่องจากสามารถควบคุมแสงและอุณหภูมิในโรงเรือนบังแดดได้ จึงสามารถป้องกันไม่ให้พืชมีลำต้นยาวเกินไปหรือใบใหญ่เกินไป ทำให้แสงกระจายไปยังพืชได้สม่ำเสมอมากขึ้น ช่วยให้พืชเจริญเติบโตและพัฒนาได้ตามปกติ
การปกป้องพืชผล: โรงเรือนบังแดดสามารถปกป้องพืชผลได้ในระดับหนึ่ง ป้องกันไม่ให้พืชได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศที่เลวร้าย แมลงและโรคพืช โรงเรือนที่ขาดแสง และก๊าซอันตราย ขณะเดียวกัน โรงเรือนบังแดดยังช่วยลดผลกระทบจากเสียงรบกวนจากภายนอก ลม และอื่นๆ ที่มีต่อพืชผลอีกด้วย โดยรวมแล้ว ข้อดีของโรงเรือนที่บังแสงคือความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตที่มั่นคง โรงเรือนที่ขาดแสงช่วยให้พืชผลเจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพดีและมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิตและคุณภาพ และเพิ่มความเป็นไปได้และความยืดหยุ่นในการผลิตทางการเกษตร